คลินิกสัตว์

สาระน่ารู้

บาร์ฟ กับการรักษาสัตว์ทางเลือกใหม่

ใครที่เลี้ยงสัตว์เหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว มักแสวงหาสิ่งที่จะดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงที่รักให้มีความสุข และอยู่กับเราให้นานที่สุด เชื่อว่าหลายๆ คนมักจะไม่คงแสวงหาทางเลือกใหม่ๆ ยิ่งตอนนี้กระแสอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับคนยังได้รับความนิยมไม่คลาย วงการอาหาร และการดูแลสัตว์เลี้ยงก็ได้พบทางเลือกใหม่ที่หันเอียงมาทางอาหารธรรมชาติ เพื่อสุขภาพองค์รวมที่ดีขึ้น บาร์ฟเป็นวิถีแห่งการดูแลสัตว์ที่เริ่มมีการพูดถึงเป็นอย่างมาก Petcitiz ในวันนี้จะนำสาระความรู้เรื่องการ รักษาสัตว์ แบบทางเลือกใหม่มาแบ่งปันกันค่ะ

BARF ย่อมาจากคำว่า Bones And Raw Foods

แปลกันตรงตัวว่า “อาหารดิบทุกประเภท รวมถึงกระดูกแบบดิบๆ “ ถ้าแปลให้ดูเป็นทางการคือ “Biological Appropriate Raw Foods” เป็นการให้อาหารสดดิบเลียนแบบวิถีการกินตามธรรมชาติ และถูกหลักกายภาพของสุนัขและแมว เชื่อกันว่าการให้อาหารที่มาจากโปรตีนเนื้อสัตว์แบบสดดิบ เครื่องใน ผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากนมมีประโยชน์ต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมากที่สุดหากไม่ผ่านการแปรรูป ร่างกายของสัตว์เลี้ยง อย่างสุนัขและแมว ถูกออกแบบมาเพื่อย่อยอาหารประเภทนี้ ทั้งฟันทั้งเขี้ยวที่สามารถเคี้ยวกระดูกดิบได้อย่างสบายมาก น้ำลายก็มีเอนไซม์ช่วยฆ่าเชื้อโรค ไหนจะน้ำย่อยในกระเพาะที่มีความเป็นกรดสูง ทำให้ไม่มีปัญหาในการย่อยแบคทีเรียอันตรายต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เชื่อว่าผู้เลี้ยงหลายท่านคงเคยประสบปัญหาสัตว์เลี้ยงแสนรักไม่สบาย ต้องพาไปพบแพทย์ ซึ่งต่อมาก็อาจต้องกลับมาด้วยโรคเดิมอีก หากลองสังเกตดูส่วนหนึ่งมาจากอาหารการกิน เพราะฉะนั้น หากต้องการรักษาสัตว์ให้ปลอดโรคต่างๆ เท่าที่พอจะทำได้ก็ควรหันมากินอาหารจากธรรมชาติ อย่าง บาร์ฟ

ข้อดีของการเลือกบาร์ฟ คือ สุขภาพสัตว์เลี้ยงจะแข็งแรงกว่า ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน และลดปัญหาการเกิดโรคผิวหนัง สัดส่วนกระชับขึ้น อาหารสำเร็จรูปที่คุณภาพไม่ดีพอ มักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สุขภาพของสัตว์เลี้ยงมีปัญหา เพราะกระบวนการผลิตที่อาจไม่มีมาตรฐาน รวมทั้งการใส่วัตถุกันเสีย และสารเคมีเพื่อให้ยืดอายุได้หลายปี การผลิตอาหารสำเร็จรูปต้องผ่านความร้อนสูงอาจ ทำให้คุณค่าทางอาหารสลายไปหมด แม้จะใส่วิตามินเสริมลงมาแต่คุณภาพก็เทียบไม่ได้กับวิตามินที่อยู่ในอาหารจริงๆ ยิ่งถ้าอาหารสำเร็จรูปเกรดต่ำ มักใช้วัตถุดิบระดับล่างมาใช้ในการผลิต ไหนจะเศษเนื้อสัตว์ส่วนต่างๆ กากข้าวโพด ข้าว ถั่วเหลือง พวกนี้คือ วัตถุดิบราคาถูก คุณภาพต่ำและไม่เหมาะต่อการเอามาให้สุนัขและแมวกิน บาร์ฟจะอุดมไปด้วยน้ำมากกว่าอาหารสำเร็จรูปที่โดนบีบน้ำออกไปหมด จากกระบวนการผลิตที่ช่วยยืดอายุอาหารได้นานขึ้น

หากเมื่อเปลี่ยนอาหารมาเป็นบาร์ฟแล้วพบว่า สุนัขและแมวจะกินน้ำน้อยลง เป็นเพราะพวกมันได้กินอาหารที่มีส่วนผสมที่มีน้ำเข้าไป ไม่เหมือนหลังกินอาหารสำเร็จรูป ที่ต้องรีบกินน้ำเข้าไป เนื่องจากความแห้งของอาหารและความเค็ม อาหารสำเร็จรูปมักมีส่วนผสมเป็นกากอาหารที่ร่างกายดูดซึมได้น้อยย่อยยาก ดังนั้น จึงถูกขับออกมาเป็นอุจจาระมาก และมีกลิ่นเหม็น แต่หากกินบาร์ฟระบบย่อยอาหารจะย่อยและดูดซึมได้ง่าย ผลคือ อุจจาระจะน้อยกว่าเดิม หากกินต่อเนื่องเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน อุจจาระจะแทบไม่มีกลิ่นเหม็น และแห้งเป็นขุยๆ ปัญหากลิ่นตัวก็น้อยลง

สาเหตุจริงๆ ของการมีกลิ่นตัว คือ การขาดสารอาหารจำเป็นอย่างโปรตีนและไขมัน จึงเกิดปัญหาโรคผิวหนัง เช่น ติดเชื้อยีสต์ แบคทีเรีย และเรื้อน ส่วนผสมหลักของอาหารสำเร็จรูป คือ พวกแป้ง ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีที่ทำให้เชื้อพวกนี้เพิ่มจำนวนได้เร็วขึ้น บาร์ฟจะช่วยเสริมภูมิต้านทานโดยรวม เนื่องจากการกินบาร์ฟมีส่วนผสมของกระดูกดิบที่จะช่วยขัดฟัน และบริหารช่องปากได้เป็นอย่างดี ฟันสะอาด ไม่มีกลิ่นปาก ถ้าสังเกตดีๆ สุนัขที่กินบาร์ฟฟันจะสะอาด ขาว ไม่มีคราบหินปูน ไม่เหมือนเวลากินอาหารสำเร็จรูป ที่กินไปนานๆ จะมีปัญหาช่องปากและพบคราบหินปูน

ปริมาณฟอสฟอรัสมากเกินไปในอาหารเป็นเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่ง การกินอาหารที่มีสารปรุงแต่งอาหารและสารกันบูด หากผู้เลี้ยงให้สัตว์เลี้ยงกินอาหารที่มีส่วนผสมพวกนี้ไปนานๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนที่ควบคุมแคลเซียม ทำให้สูญเสียแคลเซียมจากกระดูกได้ง่าย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน และมีปัญหาเรื่องกระดูกต่างๆ ตามมา โดยตามหลักการแล้วบาร์ฟต้องมีกระดูกติดเนื้อดิบ ประมาณ 50-60% และสัดส่วนต่อเนื้อและกระดูกนั้นควรอยู่ที่ 1:1 หรือ 1.5:1 เพื่อสร้างสมดุลให้มีปริมาณแคลเซียมและฟอสฟอรัสพอๆ กัน (ฟอสฟอรัสพบมากในเนื้อดิบ ส่วนแคลเซียมมีมากในกระดูก) หากขาดสมดุลระหว่างแคลเซียมและฟอสฟอรัสไปนานๆ จะส่งผลทำให้เป็นโรคกระดูกตามมาได้

อย่างที่บอกไปว่าบาร์ฟเป็นอาหารที่สุนัขและแมวชอบกินกว่าอาหารประเภทอื่น ทั้งกลิ่นและรสชาติที่ดึงดูดว่า แถมยังมีคุณค่าสารอาหารแบบเต็มๆ แพทย์บางท่านอาจแนะนำให้ผู้เลี้ยงปรับระบการกินของสัตว์เลี้ยงเพื่อรักษาอาการต่างๆ เพราะอาจทำให้สุขภาพดีแข็งแรง ลดโอกาสการเป็นโรคต่าง นอกจากนี้ บาร์ฟยังช่วยให้สุนัขและแมวอายุยืนขึ้นอีก 10-20 % เพราะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคลง ดังนั้น การที่เราให้สุนัขและแมวกินอาหารบาร์ฟ ถือเป็นการเลียนแบบลักษณะการกินอาหารในแบบที่ควรจะเป็น ผู้เลี้ยงไม่ต้องไปกลัวว่ามันดูไม่ปลอดภัย และอันตรายจากเชื้อโรค นั่นเพราะเราเอาร่างกายตัวเองไปเปรียบเทียบ แต่สุนัขและแมวนั้นกินอาหารแบบนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา และเหมาะกับระบบย่อยอาหารของมันมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาถึงสูตรและสัดส่วนของบาร์ฟให้ดี หรือไปพบสัตว์แพทย์เพื่อขอคำแนะนำเรื่องสัดส่วนกระดูก และเนื้อสด เพื่อผลที่ดีที่สุดในการ รักษาสัตว์ เลี้ยงของท่านด้วย