คลิปสัตว์เลี้ยงน่ารัก
พลิกชีวิต “แรมโบ้” อลาสกันขี้เรื้อน ชีวิตที่ถูกทอดทิ้งจากเจ้าของเก่า
รู้หรือไม่ ?
20 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเลี้ยงเจ้าเหมียวคลิป
สัตว์เลี้ยงยอดฮิต ที่มีกันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นน้องแมว และน้องหมา หน้าตาที่น่ารัก น่าเอ็นดู ความฉลาดแสนรู้ ความซน และความขี้อ้อน ซึ่งเรามักจะเห็น คลิป หลุดฮาๆ ของพวกมันบนโซเชียลเป็นประจำ จนทำให้เหล่ามนุษย์อย่างเรานั้นกลายเป็นทาสของพวกมันนั้นไปซะหมด การเลี้ยงสัตว์อาจไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพียงแต่คุณต้องมีเวลา ดูแลเอาใจใส่ ให้ความรักกับพวกมันเสมือนเป็นคนในครอบครัวของคุณ วันนี้ Petcitiz จะนำเสนอ 20 สิ่งควรรู้ของน้องแมว หากคุณคิดกำลังจะรับมาเลี้ยง หรือเลี้ยงอยู่แล้ว ว่าจะมีอะไรกันบ้าง เพื่อเตรียมตัวรับมือกับน้องเหมียวได้ถูกต้องค่ะ มาดูกันเลยว่ามีอะไรกันบ้าง
1. อายุโดยเฉลี่ยของน้องแมว จะอยู่ประมาณ 13-17 ปี ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ พันธุกรรม และการเลี้ยงดู แต่น้องแมวบางตัวมีอายุยาวได้ถึง 20 กว่าปีเลยทีเดียว
2. ไม่ควรถอดเล็บน้องแมว นอกจากจะทำให้น้องแมว เจ็บมากๆ แล้วยังทำให้เขารู้สึกผิดธรรมชาติด้วย ปกติแล้วมันต้องลับเล็บอยู่ตลอดเวลา อาจจะมีบางทีที่มันทำข้าวของเสียหาย เพราะฉะนั้น คุณควรหาอุปกรณ์ให้น้องแมวลับเล็บ และคอยตัดเล็บให้มัน
3. ปัญหาเรื่องน้องแมว ขยายพันธุ์บ่อย ถือเป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ไข โดยการจับน้องแมวของคุณทำหมันตั้งแต่ยังเด็ก แถมยังช่วยให้มีอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง และไม่ดุร้าย หรือมีปัญหาเรื่องการหวงถิ่นที่อยู่อีกด้วย
4. ก่อนที่จะพาน้องแมวกลับมาบ้านนั้น คุณควรเตรียมสถานที่ และอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม เช่น จานอาหาร ที่กินน้ำ ของเล่น แปรงฟัน กรรไกรตัดเล็บ ปลอกคอ กระบะขับถ่าย เตียงนอน เป็นต้น
5. เวลาที่น้องแมวข่วนเล็บ เป็นการกำจัดเล็บด้านนอกออกไปด้วย เพื่อจะได้มีเล็บใหม่ขึ้นมาแทนค่ะ ซึ่งเป็นวิถีธรรมชาติของแมว เพราะฉะนั้น คุณควรหาเสา หรืออุปกรณ์ เพื่อให้แมวไว้ข่วนเล็บ ซึ่งควรมีความสูงอย่างน้อย 3 ฟุตค่ะ และควรฉีดสเปรย์กลิ่นเพื่อดึงดูดให้แมวเข้ามาข่วนอุปกรณ์ชิ้นนี้แทนโซฟา หรือของในบ้านของคุณ
6. ควรตัดเล็บน้องแมวอย่างน้อยทุก 2-3 อาทิตย์ เพื่อไม่ให้ยาวและทู่ คุณจะได้ไม่เจ็บเวลาน้องแมวข่วน หรือทำเฟอร์นิเจอร์ในบ้านเสียหาย
7. เมื่อน้องแมวย้ายบ้าน ต้องใช้เวลาในการปรับตัวประมาณ 7-14 วัน เพื่อให้คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อม และบ้านใหม่
8. หากเป็นไปได้ ควรมีห้องส่วนตัวที่ไว้ให้แมวพักผ่อน มีที่นอน และของเล่น เป็นห้องที่ไม่มีสัตว์ตัวอื่น และเด็กๆ จะเข้าไปเล่นกับมันบ่อยๆ เพราะแมวเป็นสัตว์ที่มีโลกส่วนตัวสูง บางทีก็เกิดอารมณ์ติสท์ชอบอยู่เงียบๆ
9. หากคุณมีสัตว์เลี้ยงอยู่ก่อนหน้าแล้ว คุณควรแนะนำแมวให้ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนๆ ค่ะ แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อให้เข้ากันได้สักพัก
10. น้องแมวที่เลี้ยงในบ้านต้องมีถาดไว้ให้ขับถ่าย ควรวางอยู่ในที่เป็นส่วนตัว และไม่ควรย้ายถาดบ่อยๆ หากบ้านมีหลายชั้น ควรมีถาดขับถ่ายอยู่ทุกชั้น
11. ควรดูแลถาดขับถ่ายให้สะอาดอยู่เสมอ เปลี่ยนทรายทุกอาทิตย์ และเก็บอุจจาระทุกวัน ไม่เช่นนั้นแมวจะไม่ยอมขับถ่ายในถาด
12. ควรฝึกวินัยให้น้องแมวตั้งแต่ยังเด็ก ฝึกขับถ่ายให้เป็นที่ ให้อาหารเป็นเวลา จะทำให้แมวมีวินัย และไม่ขับถ่ายเละเทะ
13. ไม่ควรให้น้องแมวกินองุ่น ลูกเกด อาโวคาโด ยีสต์ และเนื้อสัตว์ดิบ
14. นมจะทำให้น้องแมวท้องเสียค่ะ เพราะแมวส่วนใหญ่จะแพ้แลคโตสในนม
15. ส่วนใหญ่น้องแมวจะไม่ส่งเสียงร้อง เหมียวๆ กับแมวตัวอื่น ถ้าแมวส่งเสียงร้องเมื่อไร แสดงว่ากำลังคุยกับคุณ
16. ควรทำการแปรงขน แปรงฟัน (ที่อาจจะยากหน่อย) ทำความสะอาดรอบดวงตา และทำความสะอาดภายในหูให้บ่อยๆ
17. น้องแมวส่วนใหญ่จะไม่ชอบกินน้ำ ต้องพยายามให้น้องกินน้ำอยู่เรื่อยๆ และให้แมวเข้าถึงอุปกรณ์การกินได้ง่ายๆ
18. ไม่ควรเลี้ยงแมวระบบเปิด คือ ให้ออกไปเดินเล่นนอกบ้านตัวเดียว เพราะจะเป็นอันตรายแมว รวมไปถึงสามารถเกิดการติดเชื้อไวรัสต่างๆ จากภายนอกบ้านได้อีกด้วย
19. ควรระวังเรื่องเห็บและหมัดในตัวแมว เพราะมันเป็นตัวนำเชื้อโรคต่างๆ มาสู่ตัวแมวได้
20. ควรพาน้องแมวไปหาสัตวแพทย์ทุกๆ 6 เดือนเพื่อตรวจร่างกายทั่วไป ถ้าหากมีแนวโน้มว่าจะป่วยหรือเป็นโรคอะไรจะได้ทำการป้องกัน และรักษาได้ทันท่วงที
หากใครที่คิดจะเลี้ยงเจ้าเหมียวน้อยแล้ว ก็ควรจะต้องรศึกษา และเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้านะคะ สมัยนี้ข้อมูลหาได้ง่ายมากบนอินเทอร์เน็ต มีทั้งตำราให้อ่าน หรือแม้แต่ คลิป วิดีโอเคลื่อนไหวเพื่อให้เราเข้าใจข้อมูลง่ายขึ้น เรียกได้ว่าไม่ต้องเสียเงินเลย แมวนั้นเลี้ยงไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด ควรให้เวลา เอาใจใส่ และให้ความรักกับมัน ในช่วงแรกๆ อาจจะต้องรอให้แมวทำการปรับตัวเข้ากับบ้านใหม่และเจ้าของสักระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ในที่สุดคุณจะตกหลุมรัก และกลายเป็นทาสแมวโดยไม่รู้ตัว
