แมวตกจาก ความสูง กี่ชั้นจึงจะบาดเจ็บ?
• เคยสังเกตกันไหมว่า เมื่อแมวตกจาก ความสูง ก็มักจะตกลงสู่พื้นด้วยท่าอันสง่างามเสมอ ประหนึ่งว่าร่างกายไม่ได้รับอันตรายหรือเกิดอาการบาดเจ็บใดๆ เลย ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เจ้าเหมียวพวกนี้ต้องตกตึกสูงกี่ชั้นจึงจะเกิดอาการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้?
เขาว่ากันว่าแมวนั้นมี 9 ชีวิต ซึ่งคำกล่าวนี้เราก็ไม่รู้เลยว่าเป็นข้อเท็จจริงมากแค่ไหน ในบางครั้งที่เราบังเอิญเจอแมวตกจากที่สูง เราก็ตกใจกลัวว่ามันจะบาดเจ็บหรือตาย แต่ที่ไหนได้! กลับวิ่งปร๋อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะอย่างงั้น เอ… หรือว่าคำกล่าวที่เขาว่าไว้อาจจะเป็นจริงนะ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า แมวต้องตกตึกสูงกี่ชั้นถึงจะตาย หรือเกิดอาการบาดเจ็บได้? วันนี้ Petcitiz จะพาคุณมาไขข้อสงสัยนี้กันค่ะ
เจ้าเหมียวที่ชอบปีนป่ายที่สูงประหนึ่งทำตัวเป็นนักยิมนาสติกให้เราได้เห็นกันอย่างชินตา บ้างก็อยู่บนตู้ โต๊ะ พีคสุดก็คงจะหนีไม่พ้นต้นไม้ หรือหลังคาบ้านเป็นแน่ บางทีก็ต้องลำบากทาสอย่างเราที่ต้องปีนไปเอาลงมา เพราะไม่รู้ว่านายท่านนั้นไปกายกรรมอิท่าไหน ขึ้นแล้วแต่ลงไม่ได้ซะงั้น เรื่องความสูงกับแมวก็มักเป็นของคู่กัน แต่บางทีนักกายกรรมก็มีพลาดท่าพลัดตกจากที่สูงเช่นกันค่ะ ที่เราเห็นว่าตกจากต้นไม้ลงมาแล้วแต่ยังวิ่งปร๋อเนี่ย ก็คงจะไม่ใช่ทุกตัวหรอกนะคะ เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า ทำไมเจ้าเหมียวถึงได้ตกลงมาด้วยท่าอันสง่างาม ตีลังกาแล้วกลับมาหยัดยืนสู่พื้นได้แบบปกติ จนต้องรัวคะแนน แบบ 10 10 10 ไปเลยค่า
ข้อเท็จจริงที่ว่าแมวตกจากที่สูงกี่ชั้นถึงจะบาดเจ็บ โดยในปี 2532 มีนักวิทยาศาสตร์ชื่อ Jared Diamond ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาเรื่องนี้ในวารสาร Nature โดยใช้ชื่อเรื่องว่า Why cats have nine lives (ทำไมแมวถึงมี 9 ชีวิต) เป็นผลการศึกษาจากแมว 115 ตัว ซึ่งตกจากตึกความสูงต่างๆ ตั้งแต่ 2 ชั้น จนถึง 32 ชั้น! พบว่า แมว 104 ตัว (90%) มีชีวิตรอด และได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก หลายคนคงเดาว่าแมวที่ตายนั้นคงเป็นตัวที่ตกมาจากตึกชั้น 31-32 แต่เปล่าเลย แมวที่ตายส่วนใหญ่ตกลงมาจากชั้น 7 ! และที่ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างมากส่วนใหญ่ตกลงมาจากชั้น 4-9! ในขณะที่แมวที่ตกมาจากชั้นสูงๆ (20-32) กลับได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า เป็นผลการศึกษาที่ขัดแย้งกับความรู้สึกทั่วไปอย่างมาก เพราะฉะนั้นสำหรับคำถามที่ว่า แมวตกจากที่สูงแค่ไหนถึงจะตาย? คำตอบคือ ไม่ว่าตกจากที่สูงขนาดไหนแมวก็ไม่ตาย ตราบใดที่ยังมีอากาศให้แมวหายใจ และเป็นการปล่อยให้ตกอย่างอิสระ (ไม่ใช่จับทุ่มลงมานะ)
ในขณะที่แมวตกลงมาจากที่สูง
1.พลิกตัวทีละส่วน
เจ้าเหมียวจะจัดระเบียบร่างกายให้กลับมาอยู่ในท่ายืนปกติ โดยพลิกลำตัวช่วงบริเวณขาหน้าทั้งหมดก่อนแล้วตามด้วยขาหลัง ซึ่งการที่แมวมีโครงสร้างของกระดูก และกล้ามเนื้อที่มีความยืดหยุ่นมากเช่นนี้ ทำให้พวกมันสามารถพลิกตัวในลักษณะดังกล่าวได้อย่างง่ายดาย นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้อีกด้วย
2.โฟกัสไปยังพื้นที่เป้าหมาย
หลังจากเจ้าเหมียวตก หรือกระโดดลงมาจากที่สูง กระดูกชิ้นเล็กๆ ซึ่งอยู่บริเวณหูชั้นในที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัวของร่างกาย จะควบคุมให้ร่างกายค่อยๆ พลิกตัวทีละส่วน โดยเริ่มจากส่วนหัว เพื่อให้สมองคำนวณหาพื้นที่ที่ปลอดภัยและเหมาะสมต่อการทิ้งตัว
3.หมุนตัว
โดยเจ้าเหมียวจะทำการเก็บคองอเข่ายังกับท่าราวดอฟ แฮ่! ไม่ใช่ค่ะ มันจะทำการซุกขาหน้าไว้กับตัวทำให้ร่างกายส่วนหัวหมุนได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็กางขาหลังออกเพื่อให้ร่างกายส่วนล่างหมุน จากนั้นมันจะบิดส่วนหัวให้หันหน้าเข้าหาพื้น ในขณะที่ร่างกายส่วนหางจะบิดเอี้ยวไปในทิศทางตรงกันข้ามเพียงเล็กน้อย
4.เหยียดขาตรง
เมื่อถึงตำแหน่งที่กำหนด แมวก็จะเหยียดขาหน้าออกพร้อมกับโก่งตัวขึ้นเพื่อถ่ายแรงกระแทกไปยังข้อต่อในส่วนอื่นๆ ซึ่งลักษณะการลงเช่นนี้ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้มากขึ้น แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ
ที่มักจะใช้ร่างกายทุกส่วนลงพื้นพร้อมกันซึ่งจะมีโอกาสบาดเจ็บมากกว่า เนื่องจากไม่มีการผ่อนแรงกระแทก
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าลุ้นมากเวลาที่เราบังเอิญเห็นน้องเหมียวตกจากที่สูง ไม่รู้จะรอด ตาย หรือบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน แต่การที่มันสามารถกลับตัวมาอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดได้ทัน ซึ่งช่วยชะลอความเร็วจนไม่ทำให้ถึงตายได้ ถือเป็นความสามารถที่น่าทึ่งเสียจริงๆ เพราะไม่ว่าเจ้าเหมียวจะตกจากตึกด้วยท่าทางแบบไหน สุดท้ายมันก็จะสามารถจัดระเบียบท่าทางให้เหมาะสมได้หากมีเวลาพอสมควรค่ะ
เรียบเรียงโดย : เด็กอ้วน
เด็กอ้วนเป็นคนที่ชอบเลี้ยงหมาและเป็นมิตรกับแมวที่รัก ทั้งยังชื่นชอบในสัตว์แปลกด้วย เด็กอ้วนชอบหาความรู้หรือวิธีการใหม่ๆ เพื่อมาแชร์ให้เพื่อนที่รักสัตว์เลี้ยงเหมือนกัน